ไม้เนื้อแข็ง ประเภทของไม้ และการนำไปใช้ประโยชน์

ไม้เนื้อแข็ง – ไม้แต่ละชนิดนั้น มีคุณสมบัติและประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกันออกไป ดังนั้น การเลือกไม้จึงจำเป็นต้องเลือกอย่างประณีตให้สอดคล้องกับประเภทของงานที่ต้องการ เนื่องจากไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า ก่อนที่จะตัดไม้มาได้สักต้นนั้นจะต้องมีการจัดพิธีบวงสรวงรุกขเทวดาตัดกิ่งไม้ ตัดต้นไม้ ให้ถูกต้องเสียก่อน เพื่อเป็นการขอขมารุกขเทวดาที่สิงสถิตในต้นไม้ดังกล่าว และขอให้ท่านได้อำนวยพรให้เกิดความโชคดีก่อนที่จะเสด็จออกจากต้นไม้ต่อไป สำหรับไม้ที่ได้มานั้น หากเป็นไม้เนื้อแข็งก็นิยมนำมาใช้ทำเสาและโครงสร้างอาคารต่าง ๆ จัดว่าเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง

แต่ไม้เนื้อแข็งสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับไม้ชนิดนี้กันมากขึ้น

ไม้เนื้อแข็ง คืออะไร

ไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้ที่ทำมาจากต้นไม้ที่มีอายุหลายสิบปี ลักษณะทั่วไปของไม้มีเนื้อมัน แน่น สีแดงปนดำ ค่อนข้างหนักมาก มีความแข็งแรงทนทานสูงถึง 1,000 กก./ตร.ซม. จึงนิยมนำมาก่อสร้างเสาหรือโครงสร้างอาคาร ไม้หมอนรถไฟ เครื่องมือทำการเกษตร และเฟอร์นิเจอร์ของประดับบ้านประเภทต่าง ๆ ร่มไม้เนื้อแข็ง โดยพันธุ์ไม้ที่นิยมตัดมาทำไม้เนื้อแข็ง ได้แก่ ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ ไม้ตะแบก ไม้เคี่ยม ไม้ตะเคียน ไม้แอ๊ก ไม้หลุมพอ ไม้เสลา ไม้เลียงมัน ไม้รัง ไม้ยมหิน ไม้มะค่าโมง ไม้เต็ง ไม้ตะบูนดำ ไม้ตะคร้อหนาม ไม้ตะคร้อไข่ ไม้แดง และไม้กันเกรา เป็นต้น

ไม้เนื้อแข็งมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ไม้เนื้อแข็งนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งในวันนี้จะขอยกตัวอย่างไม้เนื้อแข็งที่ได้รับความนิยม มีความแข็งแรงทนทานสูง จำนวน 10 ประเภท ดังนี้

1. ไม้แดง

ไม้แดงเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติของไม้เนื้อแข็งอย่างครบถ้วน เนื่องจากเป็นไม้เนื้อละเอียด เหนียว ทนทาน ต้านไฟได้ และมีความแข็งแรงสูง แต่เนื่องจากความแข็งแรงนี่เองที่เวลาสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เช่น ร้อนมากหรือชื้นมากจะทำให้ไม้เกิดการขยายตัวส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของอาคาร เช่น ขยายไปติดฝ้าเพดานหรือดันจนกำแพงเกิดความเสียหายได้ ด้วยเหตุนี้ ช่างไม้จึงนิยมใช้ไม้แดงมาใช้ประโยชน์ในงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอย่างการทำพื้น วงกบประตูหน้าต่าง หมอนรางรถไฟ เครื่องมือทำการเกษตร เครื่องมือช่าง ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ

2. ไม้เต็ง

ไม้เต็งเป็นไม้ที่มีเนื้อละเอียดและทนทานสูงเช่นเดียวกับไม้เนื้อแดง มีจุดเด่นที่ราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ใช้ภายนอกอาคารอย่างเสา ตง คาน บันได หรือสะพาน เนื่องจากเป็นไม้ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ไม้เต็งที่นิยมใช้ในงานก่อสร้างมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ไม้เต็งไทยกับไม้เต็งมาเลย์ โดยไม้เต็งไทยจะมีคุณภาพดีกว่า

3. ไม้กระดู่

ไม้ประดู่เป็นไม้ที่ทำมาจากต้นประดู่แดงหรือประดู่เหลือง มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับไม้แดงเกือบทุกอย่าง ยกเว้นแต่สีไม้ที่เป็นลวดลายแลดูไม่ค่อยสวยงาม จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนำมาสร้างบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์มากนัก จนกระทั่งเมื่อไม้แดงเริ่มหายากมากขึ้น ไม้ประดู่จึงถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้างที่ทดแทนไม้แดงได้ในที่สุด

4. ไม้มะค่า

ไม้มะค่าเป็นไม้ที่มีเนื้อค่อนข้างหยาบ มีความแข็งแรงสูง ลวดลายสวยงาม และมีคุณสมบัติที่ไม่ค่อยยืดหรือหดตัวเมื่อเจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ช่างไม้จึงนิยมนำไม้มะค่ามาทำวงกบประตูหน้าต่างเนื่องจากมีความทนทานและเนื้อไม้มีความคงเส้นคงวา และเนื่องจากเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงสูง อดทนปลวกได้ดี ไม้มะค่าจึงถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ มากมายตั้งแต่งานก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยไปจนถึงหมอนรางรถไฟ เครื่องไถนา และอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ

5. ไม้ชัก

เป็นไม้เนื้อหยาบอีกชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างมีความเหนียวแน่นทนทาน ตัวไม้มีสีน้ำตาลอ่อนถึงแก่ นิยมนำมาใช้ทำไม้หมอนรางรถไฟ และโครงสร้างอาคารที่ไม่จำเป็นต้องมีการตกแต่งมากมายนัก เนื่องจากไม้ชักมีเนื้อที่ค่อนข้างแข็งมาก เลื่อยหรือไสกบเพื่อการตกแต่งไม้ค่อนข้างยากลำบาก

6. ไม้สัก

ไม้สักเป็นไม้เนื้อดี ราคาแพงที่นิยมนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารหรือโครงสร้างขนาดใหญ่ ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ต่าง ๆ ตัวไม้มีน้ำมันในตัว เนื้อหยาบ สีไม่สม่ำเสมอ แต่ที่สำคัญคือไม้สักมีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก ปลวกและมอดไม่สามารถทำอันตรายได้แต่อย่างใด จึงทำให้ไม้ชนิดดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมากทั้งคนไทยและต่างประเทศที่ชื่นชอบในความสวยงามและทนทานของเฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่ดูหรูหรามีระดับ และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

7. ไม้เคี่ยม

ไม้ชนิดนี้พบได้ในป่าแถบภาคใต้ของไทย เจริญเติบโตได้ดีในภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ไม้เคี่ยมมีเนื้อค่อนข้างละเอียด แข็งแรง สามารถทนน้ำทนแดดได้ดี จึงนิยมไม้เคี่ยมมาใช้ทำไม้หมอนรางรถไฟหรือโครงสร้างภายนอกอาคารที่ต้องการความแข็งแรงทนทานเป็นเวลานานติดต่อกันหลายสิบปี อาทิ สะพานและพื้นไม้ เนื่องจากคุณสมบัติในการทนแดดทนฝนได้ดีนั่นเอง

8. ไม้ตะแบก

ไม้ตะแบกมีความโดดเด่นที่เนื้อไม้มัน มีลักษณะเหนียวทนทาน สามารถตากแดดตากฝนได้ดี จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นเสาบ้าน เครื่องมือทำการเกษตร หรือเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนต่าง ๆ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ทำจากไม้เล็ก ๆ ที่ต้องใช้ความประณีตบรรจงในการแกะสลักค่อนข้างมากอย่างด้ามมีด กรอบรูป หรือด้ามปืน เป็นต้น

9. ไม้รัง

เป็นไม้เนื้อหยาบที่มีความแข็งแรงทนทานสูง แต่จะไม่เหมาะกับการที่ต้องแกะสลักหรือตกแต่งไม้ให้มีความสวยงาม เนื่องจากเนื้อไม้หยาบและแข็ง เลื่อนไสกบค่อนข้างยาก ช่างไม้จึงนิยมนำไม้รังไปใช้ในการก่อสร้างอาคารและโครงสร้างต่าง ๆ อย่างเสาหรือคานมากกว่า นอกจากนั้น ยังสามารถนำไปสร้างหมอนรางรถไฟและเครื่องมือทำการเกษตรที่มีความทนทานสูงได้อีกด้วย

10. ไม้ตะเคียน

เป็นไม้เนื้อแข็งอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง ไม้ตะเคียนที่นิยมนำมาใช้งานนั้นมาจากตะเคียนทองที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปี คุณสมบัติของไม้มีความแข็งแรงทนทาน สามารถทนการยืดหดตัวตามสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี จึงนิยมใช้ไม้ตะเคียนทองสำหรับงานก่อสร้างใหญ่ ๆ หรือการต่อเรือซึ่งต้องมีการประดิษฐ์ประดอยและแกะสลักลวดลายที่มีความบรรจงงดงาม

ไม้เนื้อแข็ง สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง

ไม้เนื้อแข็งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านความแข็งแรงทนทาน บางประเภทสามารถทนแดดทนฝน และควบคุมการยืดหดตัวของไม้ได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ ไม้เนื้อแข็งจึงสามารนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายหลายประการ ดังนี้

1. ใช้ก่อสร้างโครงสร้างของอาคารต่าง ๆ

ไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทาน แข็งแรง และต้านการยืดหดตัวตามสภาพอากาศได้ดีอย่างไม้มะค่า ไม้เคี่ยม ไม้ตะเคียน เหมาะแก่การนำมาก่อสร้างโครงสร้างอาคารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสา คาน ตง วงกบประตูหน้าต่าง ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยไม้ที่มีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก และที่สำคัญคือทนทานต่อการใช้งานได้หลายสิบปี

2. ใช้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างกลางแจ้ง

ไม้เนื้อแข็งหลายชนิดที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก ตลอดจนทนต่อแดดและฝนได้ดีอย่างไม้เคี่ยม ไม้ประดู่ ไม้แดง เหมาะสำหรับการนำมาใช้ก่อสร้างสะพาน พื้นไม้ หรือสิ่งปลูกสร้างกลางแจ้ง เนื่องจากสามารถทนสภาพอากาศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานได้อย่างทนทานถาวร

3. ใช้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ สิ่งประดับตกแต่งภายในบ้าน

ไม้เนื้อแข็งเกือบทุกชนิดสามารถนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะไม้สักหรือไม้ตะแบกที่สามารถนำมาแกะสลักเป็นลวดลายต่าง ๆ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไม้ได้ นอกจากนั้น ยังมีความแข็งแรงคงทนต่อปลวกและมอด เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่มีความหรูหรา ทันสมัย และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

4. ใช้สำหรับแกะสลักทำของที่ระลึก ของชำร่วย หรือของใช้ส่วนตัว

ไม้เนื้อแข็งบางชนิดมีเนื้อละเอียดปานกลาง ไม่หยาบจนเกินไป สามารถใช้เลื่อยหรือไสกบเป็นลวดลายต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นด้ามมีดพก ด้ามปืน หรือแกะสลักเป็นรูปสัตว์ชนิดต่าง ๆ ก็สามารถสร้างของขวัญ ของที่ระลึก หรือของชำร่วยที่มีความสวยงามโดดเด่น และมีเพียงแค่ชิ้นเดียวในโลกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก เนื่องจากปัจจุบันงานแกะสลักไม้เนื้อแข็งนั้นมีราคาถูก และสามารถสั่งทำในปริมาณมากได้

ไม้เนื้อแข็งมีอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งบทความนี้ได้แนะนำให้คุณได้รู้จักจำนวนหนึ่งเท่านั้น ในภาพรวมแล้ว ไม้เนื้อแข็งมีความเหมาะสมกับการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการความแข็งแรง ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้สามารถยืดอายุการใช้งานได้อย่างทนทาน ยาวนาน แถมยังมีราคาไม่แพงอีกด้วย